Retargeting สำคัญอย่างไรต่อการตลาดของคุณ?
Key Takeaways:
- Retargeting คือการยิงโฆษณาให้คนที่เคยสนใจสินค้าโดยใช้คุกกี้
- ประโยชน์ของ retargeting คือเพิ่มการจำแบรนด์และยอดขายโดยดึงดูดลูกค้าของคู่แข่ง
- ใช้แพลตฟอร์มเช่น Google Ads และ Facebook สำหรับเครื่องมือ retargeting ที่ทรงพลัง
- กลยุทธ์ retargeting ต้องระบุกลุ่มเป้าหมายและสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูด ไปกับเส้นทางลูกค้า
- ควรเลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมและเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลดี
- ระวังไม่ให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อจากโฆษณาที่มากเกินไป และควรวัดผลด้วยอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า
- อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ดีควรอยู่ที่ 1-2% ขึ้นไป
ในโลกของการตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว "Retargeting" กลายเป็นกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับการสร้างความสำเร็จของแคมเปญของคุณ แต่ "Retargeting" คืออะไรและมันสำคัญอย่างไร? ใช้ประสบการณ์กว่า 10 ปีในการตลาดดิจิทัลของผม ผมจะนำเสนอภาพรวมเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่การ Retargeting สามารถเสริมสร้างประสิทธิภาพการตลาดของคุณ เพิ่มการรับรู้แบรนด์ และเพิ่มอัตราการแปลงให้กับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาด เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หรือผู้ประกอบการที่ใฝ่ฝัน ที่จะยกระดับการทำตลาดออนไลน์ของคุณ คุณจะพบคำตอบในบทความนี้!
Retargeting สำคัญอย่างไรต่อการตลาดของคุณ?
ผมพบว่าการทำ retargeting เป็นหัวใจสำคัญในกลยุทธ์การตลาดยุคนี้ เรามาเข้าใจง่าย ๆ ว่า retargeting คือการแสดงโฆษณาให้คนที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรามาก่อน เป้าหมายคือการเตือนให้พวกเขากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการเราอีกครั้ง
retargeting ต่างจาก remarketing ยังไงนะ? ทั้งสองวิธีนี้มีความหมายใกล้เคียงกัน แต่มีความแตกต่างกันลึกซึ้ง ผมเห็นว่า retargeting จะใช้คุกกี้เพื่อติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งาน มันช่วยให้เราทำโฆษณาได้แม่นยำมากขึ้น
ประโยชน์ของ retargeting คืออะไร? การสร้างการจดจำแบรนด์ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญ ด้วยการที่ลูกค้าปัจจุบันเห็นโฆษณาอยู่เรื่อยๆ ยิ่งเห็น ยิ่งจำได้ นี้คือการเพิ่มการมีส่วนร่วมและการรับรู้ในตลาด
ผมลองใช้ google ads และ Facebook ในการทำ retargeting ทั้งสองแพลตฟอร์มมีเครื่องมือการเจาะกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ วิธีการคือใช้พฤติกรรมและข้อมูลที่เก็บได้เพื่อแสดงโฆษณาที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม
กลยุทธ์ในการทำ retargeting ให้ได้ผลดี คือต้องเริ่มที่การกำหนดกลุ่มเป้าหมายและทำความเข้าใจเส้นทางลูกค้า จากนั้นออกแบบคอนเทนต์และเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม
ควรระวังอะไรบ้างนะ? ผมแนะนำว่าไม่ควรแสดงโฆษณาบ่อยจนลูกค้ารู้สึกเบื่อ การตรวจสอบ Conversion Rate อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราเข้าใจว่ากลยุทธ์ที่ใช้ประสบความสำเร็จแค่ไหน Conversion Rate ที่ดีควรอยู่ที่ 1-2% ขึ้นไป
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จาก retargeting ก็คือ จำเป็นต้องอัปเดตกลุ่มเป้าหมายให้เป็นปัจจุบันเสมอ ทำให้การทำการตลาดของเรามีความสดใหม่และเหมาะสมมากที่สุดครับ
Retargeting คืออะไร?
Retargeting คือเทคนิคที่ช่วยให้เราตามกลับไปหาลูกค้าเดิมที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์เรา พวกเขาอาจสนใจสินค้า แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ เราใช้ cookies เพื่อตามหาพวกเขา นี่คือขั้นตอนสำคัญในกลยุทธ์การตลาด Retargeting หมายถึงการยิงโฆษณาให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เคยสนใจสินค้า การทำเช่นนี้ช่วยเพิ่มความจำได้ของแบรนด์ มันเหมือนกับการเตือนให้พวกเขากลับมาพิจารณาสินค้าอีกครั้ง
เราต้องระวังไม่ให้ลูกค้ารำคาญ โฆษณาที่เห็นบ่อยเกินไปอาจทำให้ลูกค้าลำคาญได้ ดังนั้นเราควรคำนึงถึงความถี่ในการปรากฏโฆษณา และควรใช้ข้อมูลจากพฤติกรรมของผู้ใช้ในการวางแผนการทำ Retargeting ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
กลยุทธ์การทำ Retargeting ที่ดีต้องเริ่มต้นจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เราต้องเข้าใจ Customer Journey ของลูกค้าและออกแบบ Content ที่เหมาะสมกับแต่ละช่วง และที่สำคัญ ควรเลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
การใช้ google ads และ GDN เป็นตัวอย่างที่ดีของการ Retargeting ที่มีเครื่องมือช่วยเจาะกลุ่มเป้าหมาย การเข้าใจว่า retargeting คืออะไร ทำให้คุณสามารถใช้มันเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและดึงดูดลูกค้ามากขึ้นจากคู่แข่งได้
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และสิ่งที่สำคัญคือต้องวัดผลจาก Conversion Rate ที่มีประสิทธิภาพ โดยการทำ Retargeting ที่ดีย่อมมี Conversion Rate ที่สูง 1-2% ขึ้นไป สิ่งสำคัญคือการปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้หลากหลายอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Retargeting ช่วยแคมเปญการตลาดของคุณอย่างไร
Retargeting มีประโยชน์หลายข้อที่สำคัญต่อการตลาดของคุณ อันดับแรกคือ การเพิ่มยอดขาย เมื่อเรานำเสนอโฆษณาให้ผู้ที่เคยสนใจโอกาสที่พวกเขาจะกลับมาซื้อก็สูงขึ้น วิธีนี้ยังช่วยในการ ลดค่าใช้จ่าย ในการหาลูกค้าใหม่ด้วย
ต่อมาคือ การเพิ่มการจดจำแบรนด์ เมื่อเห็นโฆษณาซ้ำ ผู้คนจะจำแบรนด์ของคุณได้ดีขึ้น การมองเห็นซ้ำๆ นี้ทำให้เพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะเลือกคุณมากกว่า คู่แข่ง ด้วย
การสร้างการจดจำแบรนด์จาก Retargeting
Retargeting ช่วยในการ สร้างการจดจำแบรนด์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะลูกค้าจะเห็นโฆษณาของคุณหลายครั้งจนเกิดความคุ้นเคย วิธีนี้ใช้ google ads หรือ Facebook ที่สามารถจัดเป้าหมายด้วยข้อมูลจากพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้
ผลกระทบของ Retargeting ต่อ Conversion Rates
Retargeting มี ผลกระทบโดดเด่นต่อ Conversion Rates โดย Retargeting ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าเร็วขึ้น ซึ่ง Conversion Rate ที่ดีควรจะมากกว่า 1-2% ขึ้นไป Retargeting ทำให้การปรับ กลยุทธ์ และการเลือก ช่องทางการสื่อสาร มีความสำคัญยิ่งขึ้น
ใช้กลยุทธ์ Retargeting อย่างชาญฉลาดไม่เพียงแต่เพิ่มการมีส่วนร่วม แต่มันยังช่วย ลดความรำคาญ ของลูกค้าจากการเห็นโฆษณาซ้ำๆ การระมัดระวังในการทำโฆษณาเช่นนี้ทำให้ความพยายามในการตลาดของคุณกลายเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ
จุดประสงค์ของการ Retargeting คืออะไร?
Retargeting มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีศักยภาพซึ่งแสดงความสนใจมาแล้ว โดยใช้คุกกี้ในการติดตามพฤติกรรม จากการเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ โฆษณาจะเป้าหมายไปที่กลุ่มบุคคลที่มีแนวโน้มที่จะแปลงสถานะเป็นลูกค้ามากที่สุด
การรีทาร์เก็ตติ้งยังช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ โดยการเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับเว็บไซต์ เมื่อผู้เยี่ยมชมเห็นโฆษณา พวกเขามีแนวโน้มที่จะคลิกกลับเข้ามายังเว็บไซต์มากขึ้น
อีกหนึ่งเป้าหมายของการรีทาร์เก็ตติ้งคือการรักษาความจำของแบรนด์ การที่โฆษณาปรากฏขึ้นบ่อยครั้งทำให้แบรนด์อยู่ในความจำของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นประโยชน์เมื่อลูกค้ากำลังเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์
ในการรีทาร์เก็ตติ้ง ฉันมุ่งเน้นไปที่การแบ่งกลุ่มลูกค้า นี่หมายถึงการแบ่งผู้คนออกเป็นกลุ่มต่างๆ ตามพฤติกรรม ตัวอย่างเช่น การแบ่งกลุ่มผู้เยี่ยมชมที่ดูสินค้าแต่ไม่ได้ซื้อ
การใช้แพลตฟอร์มเช่น Facebook การรีทาร์เก็ตติ้งช่วยเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงผู้คน โดยเครื่องมือต่างๆ ช่วยให้สามารถปรับข้อความให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มได้ ทำให้โฆษณามีความเกี่ยวข้องและน่าสนใจมากขึ้น
การวัดความสำเร็จของการรีทาร์เก็ตติ้งเป็นสิ่งสำคัญ ฉันตรวจสอบอัตราการแปลงเพื่อดูว่าโฆษณามีประสิทธิภาพหรือไม่ อัตราที่ดีอยู่ที่ประมาณ 1-2% อัตรานี้บอกฉันว่าผู้คนมีการดำเนินการหลังจากเห็นโฆษณาหรือไม่
Retargeting ต่างจาก Remarketing อย่างไร?
หลายคนสงสัยเรื่อง retargeting กับ remarketing ว่าต่างกันอย่างไร ในทางเทคนิค retargeting ใช้คุ้กกี้เก็บข้อมูลผู้เข้าชมเว็บ Retargeting ช่วยยิงโฆษณาไปถึงคนที่เคยสนใจสินค้าหรือบริการ Remarketing ใช้ข้อมูลจากแหล่งอื่นเพื่อโฆษณาซ้ำ การจัดการข้อมูลนี้สำคัญกับกลยุทธ์มาก
ในแง่กลยุทธ์ retargeting และ Remarketing เน้นการเพิ่มยอดขายและกระตุ้นลูกค้า ทั้งสองวิธีเจาะกลุ่มเป้าหมายต่างกัน Retargeting ใช้โฆษณาเพิ่มการรับรู้แบรนด์ Remarketing ใช้ข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง
Retargeting เหมาะมากเมื่อต้องการสร้างการจดจำแบรนด์ เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ตัวอย่างเช่น ใช้ ppc ผ่าน Google Ads เจาะกลุ่มเป้าหมายจากพฤติกรรมในเว็บ ส่วน Remarketing เหมาะกับการสื่อสารทาง Email หรือ SMS
ข้อควรระวังที่สุดคือไม่ควรทำให้ลูกค้ารำคาญจากโฆษณาซ้ำกันเกินไป ควรวัดผลด้วย Conversion Rate และเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายตามความเหมาะสม เพื่อผลที่ดีที่สุดในการ Retargeting ควรมี Conversion Rate สูงกว่า 1-2% Conversion Rate นี้เป็นตัวชี้วัดสำคัญว่ากลยุทธ์ได้ผลหรือไม่
Retargeting มีกี่ประเภท?
Retargeting คือการติดตามลูกค้าเก่าที่เคยแสดงความสนใจในสินค้าแต่ยังไม่ซื้อ โดยใช้โฆษณา กระบวนการนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก เนื่องจากช่วยให้เราเข้าถึงคนที่เคยมีความสนใจในสินค้าของเราแล้ว มาดูกันว่า retargeting มีกี่รูปแบบและทำงานอย่างไร
Pixel-Based Retargeting
Pixel-Based Retargeting เป็นวิธีที่นิยมใช้ มันทำงานโดยการใช้พิกเซลหรือคุ้กกี้ในเบราว์เซอร์ เมื่อมีคนเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา พิกเซลเหล่านี้จะติดตามพฤติกรรมการใช้งาน แล้วแสดงโฆษณาให้เห็นเมื่อบุคคลนั้นเยี่ยมชมเว็บที่รองรับโฆษณา เช่น Facebook และ Google Ads
Advantages: Pixel-Based Retargeting สามารถแสดงโฆษณาได้ทันที หลังลูกค้าออกจากเว็บไซต์ และยังสามารถแสดงโฆษณาให้กับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่เคยมองหาสินค้าหรือบริการคล้ายๆ กัน
List-Based Retargeting
List-Based Retargeting ต่างจากแบบพิกเซล นี่ใช้ข้อมูลลูกค้าที่เรามี เช่น อีเมล เบอร์โทร เพื่อสร้างรายชื่อเป้าหมาย แล้วแสดงโฆษณาเฉพาะกับกลุ่มนี้
Use Cases: ไว้ใช้กับลูกค้าที่มีประสบการณ์ตรง เช่น ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้ากับเรา และเราต้องการกระตุ้นให้กลับมาซื้ออีก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
Retargeting เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตามหาลูกค้าเก่าและดึงเขากลับมาเยี่ยมชมและซื้อสินค้าของเราอีกครั้ง ซึ่งง่ายแต่ทรงพลังมากในตลาดออนไลน์ การเลือกใช้กลยุทธ์ใดนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการและความพร้อมของข้อมูลที่เรามีอยู่แล้ว
กลยุทธ์และเทคนิค Retargeting ที่มีประสิทธิภาพมีอะไรบ้าง?
Retargeting คือ การใช้โฆษณาเจาะกลุ่มคนที่เคยสนใจสินค้าหรือบริการของเราแล้ว แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ การทำ retargeting ปรับแต่งให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลพฤติกรรมเพื่อสร้างสรรค์โฆษณาที่น่าดึงดูด
Retargeting สามารถติดตามพฤติกรรม User ได้อย่างไร?
การจะทำ Behavioral Retargeting ต้องดูพฤติกรรมของผู้ใช้งานให้ดี ว่าเขาคลิกอะไรบ้าง เช่น ถ้าผู้ใช้คลิกดูสินค้าแต่ยังไม่ซื้อ เราสามารถสร้างโฆษณาเฉพาะที่เกี่ยวกับสินค้านั้นได้ การทำแบบนี้มีผลลัพธ์ที่ดี เพราะช่วยให้โฆษณาตรงกับความสนใจ
จะนำ Contextual Retargeting ไปใช้ได้อย่างไร?
Contextual Retargeting คือการใช้โฆษณาให้แสดงในบริบทที่เหมาะสม เราควรเลือกแพลตฟอร์มที่กลุ่มเป้าหมายใช้งานบ่อยๆ นอกจากนี้ ต้องดูคอนเทนต์ควบคู่ไปด้วย โดยที่โฆษณาควรสอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังดูอยู่ การลงโฆษณาควรต้องวางแผนดีเพื่อไม่ให้เกิดความรำคาญ
การทำ Retargeting มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
เมื่อเราพูดถึง retargeting หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบมากคือการแสดงโฆษณามากเกินไป มาดูไปทีละประเด็นกัน คุณเคยไหมที่เจอโฆษณาร้านค้าซ้ำๆหลายครั้งจนรู้สึกเบื่อ? นั่นคือการ overexposing ads ซึ่งอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกเหนื่อยหน่ายและไม่สนใจอีกต่อไป
อีกหนึ่งข้อผิดพลาดในการทำ retargeting คือการแบ่งกลุ่มผู้ชมไม่ถูกต้อง การปรับกลุ่มเป้าหมายไม่ชัดเจนอาจทำให้การ retargeting ของคุณกลายเป็นเสียเปล่า หากคุณไม่จัดกลุ่ม audience segmentation อย่างแม่นยำ โฆษณาของคุณอาจถูกยิงไปยังคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง
ลองคิดถึง retargeting facebook คือ คุณต้องการตั้งค่าให้ดี ถ้าการเจาะจงกลุ่มผู้ชมไม่ถูกต้อง โอกาสของการแปลงลูกค้าใหม่ก็ต่ำลง ดังนั้นการแบ่งกลุ่มเป้าหมายที่ดีจะช่วยให้คุณเข้าถึงคนที่สนใจการซื้อสินค้าหรือบริการของคุณจริงๆ
การทำ retargeting อย่างมีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า คุณควรติดตาม journey ของลูกค้าผ่านข้อมูลที่มีและเลือกใช้โฆษณาที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่เหมาะสม บนแพลตฟอร์มที่พวกเขาใช้งานบ่อย
สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จาก retargeting คือ เราต้องไม่เน้นย้ำขายจนเกินไป ต้องให้ความสำคัญที่การสร้างการจดจำและการมีส่วนร่วมลูกค้าด้วย ข้อควรระวังคือ อย่าทำให้ลูกค้ารู้สึกถูกรบกวนมากเกินไป สิ่งที่จะช่วยได้คือการวัดผลลัพธ์ที่ดีด้วยการติดตาม conversion rate อย่างสม่ำเสมอ ที่มีประสิทธิภาพมากควรอยู่ระหว่าง 1-2% ขึ้นไป และควรปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายอยู่เสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เครื่องมือใดที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ Retargeting ของคุณได้?
เครื่องมือสำหรับการรีทาร์เก็ตติ้งที่มีประสิทธิภาพ
คุณต้องใช้ google ads ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรีทาร์เก็ตติ้งผู้ใช้จำนวนมาก ด้วย Google Ads คุณสามารถแสดงโฆษณาให้กับผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณมาก่อนได้ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณคุกกี้
แพลตฟอร์มที่พร้อมสำหรับการทำ Retargeting
นอกจากนี้ คุณยังต้องมี GDN ซึ่งช่วยให้โฆษณาของคุณปรากฏบนเว็บไซต์ต่างๆ ได้ ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจเมื่อผู้ใช้เรียกดูออนไลน์ เพื่อโฆษณาวิดีโอมี ยิงแอด youtube ที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมแบบมั่นคง
การเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญให้สูงสุด
ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้อย่างชาญฉลาด รีเฟรชกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่เสมอ อย่าแสดงโฆษณาเดียวกันบ่อยเกินไป วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้รำคาญ
วัดความสำเร็จด้วยอัตราการแปลง ตั้งเป้าอัตรา 1-2% หรือมากกว่า วิธีนี้จะช่วยให้การกำหนดเป้าหมายซ้ำของคุณได้รับผลตอบแทน
สุดท้าย ทำความเข้าใจลูกค้าของคุณ รู้จักเส้นทางของพวกเขา จากนั้นสร้างเนื้อหาที่ตรงกับพวกเขา วิธีนี้ช่วยเพิ่มความสำเร็จในการกำหนดเป้าหมายซ้ำของคุณ
กรณีศึกษาใดบ้างที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการทำ Retargeting
การกำหนดเป้าหมายใหม่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เพิ่มยอดขายได้โดยกำหนดเป้าหมายลูกค้าที่สนใจ มาดูตัวอย่างกัน
ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ร้านขายเสื้อผ้าใช้การกำหนดเป้าหมายใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายออนไลน์ ลูกค้าที่เข้าชมเว็บไซต์จะเห็นโฆษณาสินค้าที่ดูแล้วแต่ไม่ได้ซื้อ วิธีนี้ทำให้ยอดซื้อเพิ่มขึ้น 30% สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือต้องกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่สนใจแต่ไม่ได้ซื้อสินค้า
ในภาคเทคโนโลยี บริษัทซอฟต์แวร์แห่งหนึ่งใช้การกำหนดเป้าหมายใหม่ของ Google Ads โดยเตือนผู้ซื้อที่มีแนวโน้มจะซื้อเกี่ยวกับการทดลองใช้ฟรี หลังจากเห็นโฆษณาเหล่านี้ หลายๆ คนก็สมัครทดลองใช้ กลยุทธ์นี้เน้นย้ำถึงพลังของการกำหนดเป้าหมายใหม่ในการโปรโมตการสมัครสมาชิกหรือข้อเสนอ
ตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่งมาจากอุตสาหกรรมความงาม แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวใช้การกำหนดเป้าหมายใหม่ของ Facebook เพื่อแสดงข้อเสนอพิเศษให้กับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในอดีต ความสำเร็จนั้นคืออะไร? ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์และยอดขายเพิ่มขึ้น 25% การกำหนดเป้าหมายใหม่ช่วยดึงดูดผู้ใช้ที่สนใจกลับมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยดึงความสนใจกลับไปที่ผลิตภัณฑ์
สำหรับอีคอมเมิร์ซ ร้านค้าออนไลน์แห่งหนึ่งดำเนินแคมเปญการกำหนดเป้าหมายใหม่โดยใช้โฆษณาแบบแสดงผล พวกเขาตั้งเป้าไปที่ผู้ที่ละทิ้งรถเข็นสินค้า โดยเตือนให้พวกเขานึกถึงสินค้าที่ลืมไว้ ส่งผลให้มีอัตราการแปลงเพิ่มขึ้น 15% การกำหนดเป้าหมายใหม่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกอบกู้ยอดขายที่สูญเสียไป
การกำหนดเป้าหมายใหม่จะเตือนลูกค้าที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าและดึงความสนใจของพวกเขากลับคืนมา โดยจะเปลี่ยนความสนใจทั่วไปให้กลายเป็นยอดขายจริงผ่านการโฆษณาเชิงกลยุทธ์
แคมเปญการกำหนดเป้าหมายใหม่ที่มีประสิทธิภาพจะต้องเจาะจง มีจังหวะเวลาที่เหมาะสม และเน้นคุณค่า โดยจะปรับข้อความให้เหมาะกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้
องค์ประกอบสำคัญของการกำหนดเป้าหมายใหม่ที่มีประสิทธิผล ได้แก่ การทำความเข้าใจเส้นทางของลูกค้า การปรับแต่งเนื้อหา และการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม แผนที่ดีจะทำให้ลูกค้าเห็นโฆษณาเมื่อพิจารณาซื้อ
แคมเปญการกำหนดเป้าหมายใหม่ไม่ควรสร้างความรำคาญหรือทำให้ผู้ใช้รู้สึกอึดอัด รักษาความถี่ของโฆษณาให้สมดุลเพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงผลเชิงลบ
สุดท้าย ให้ใช้อัตราการแปลงเพื่อวัดประสิทธิภาพ ตั้งเป้าอัตราที่สูงกว่า 1-2% เพื่อให้แคมเปญประสบความสำเร็จ อัปเดตรายชื่อผู้ชมของคุณเป็นประจำเพื่อเข้าถึงลูกค้าที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าที่ดีที่สุด
จำไว้ว่าการกำหนดเป้าหมายใหม่ไม่ใช่แค่การกระตุ้นยอดขายเท่านั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างการรับรู้แบรนด์
การกำหนดเป้าหมายใหม่ช่วยให้แบรนด์มีโอกาสครั้งที่สองในการสร้างข้อเสนอที่น่าสนใจ โดยจะเปลี่ยนความสนใจครั้งเดียวให้กลายเป็นความภักดีด้วยกลยุทธ์และเครื่องมือที่เหมาะสม
อนาคตของการ Retargeting
การกำหนดเป้าหมายใหม่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ลองนึกภาพการเตือนผู้คนเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเขาชอบดูสิ มันเหมือนเครื่องมือทางการตลาดที่มหัศจรรย์! ตอนนี้ ลองนึกดูว่ามันจะมุ่งหน้าไปทางไหน อนาคตของการกำหนดเป้าหมายใหม่นั้นควบคู่ไปกับเทคโนโลยี เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป อนาคตก็ดูสดใส
โอกาสสำหรับนวัตกรรมในพื้นที่การกำหนดเป้าหมายใหม่มีอะไรบ้าง
นวัตกรรมมีความสำคัญ การกำหนดเป้าหมายใหม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเครื่องมือใหม่ ตัวอย่างเช่น AI สามารถช่วยสร้างโฆษณาได้ ทำให้โฆษณาดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น วิธีนี้ทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นกว่าวิธีเดิม การใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาดสามารถทำให้โฆษณามีจุดสนใจมากขึ้น โฆษณาที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละคนจะได้ผลดีกว่า
ข้อมูลจากสถานที่ต่างๆ ช่วยได้ ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น เมื่อโฆษณาเข้าถึงผู้คน การมีส่วนร่วมก็จะเพิ่มขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนที่ถูกต้อง นวัตกรรมในการกำหนดเป้าหมายใหม่หมายถึงการสร้างสรรค์กลยุทธ์โฆษณา หมายถึงการใช้ข้อมูลเพื่อเชื่อมต่อได้ดีขึ้น
แนวโน้มตลาดที่คาดการณ์ไว้สำหรับการกำหนดเป้าหมายใหม่ในอนาคตคืออะไร
แนวโน้มตลาดแสดงให้เห็นถึงการเติบโต โฆษณาแบบมีส่วนร่วมจะมีความสำคัญ เมื่อผู้ใช้ขยายตัว โฆษณาแบบมีส่วนร่วมก็จะเติบโตตามไปด้วย คาดหวังได้เลยว่าจะมีวิดีโอมากขึ้นเมื่อดึงดูดความสนใจ การโต้ตอบกับแบรนด์ผ่านรีทาร์เก็ตติ้งจะเกิดขึ้นมากขึ้นเช่นกัน
การปรับแต่งเครื่องมือดังกล่าวจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วม โฆษณาบนแพลตฟอร์มที่สนุกสนาน เช่น TikTok จะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งจะดึงดูดคนรุ่นใหม่ได้มาก รีทาร์เก็ตติ้งที่ปรับปรุงแล้วจะเชื่อมต่อกับผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว เมื่อผู้ใช้รับชมวิดีโอมากขึ้น โฆษณาแบบโต้ตอบจะปรากฏขึ้นมากขึ้น การทำให้ผลิตภัณฑ์ดูมีชีวิตชีวาจะดึงดูดความสนใจ
การใช้ข้อมูลยังช่วยให้แบรนด์ค้นหาความสนใจของผู้ใช้ได้ โฆษณาที่สร้างสรรค์และให้ความบันเทิงนั้นมีความสำคัญ การรู้ว่าผู้ใช้ชอบอะไรจะช่วยได้มาก การปรับปรุงตลอดเวลาจะทำให้รีทาร์เก็ตติ้งมีความสดใหม่อยู่เสมอ แนวคิดใหม่ๆ จะทำให้มั่นใจว่ายังคงมีความเกี่ยวข้องในแวดวงการตลาด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ Retargeting
retargeting คืออะไร? เป้าหมายหลักของ retargeting คือการยิงโฆษณาไปหาคนที่เคยสนใจสินค้า การใช้งาน retargeting ผ่านคุกกี้ช่วยสร้างโฆษณาที่เหมาะสมกับผู้บริโภคที่เราเคยเจอ พวกเขาอาจคลิกแล้วหรือดูสินค้าแล้วไม่ซื้อ การ retargeting นี้จะช่วยดึงดูดความสนใจอีกครั้ง
ประโยชน์ของ retargeting คืออะไร? Retargeting ช่วยให้ผู้คนจำแบรนด์เราได้ วิธีนี้สร้างการมีส่วนร่วมและดึงดูดลูกค้าคู่แข่ง เราใช้ข้อมูลที่มีเพิ่มยอดขาย เว็บไซต์ดังกล่าว เช่น Google Ads กับ Facebook มีเครื่องมือ retargeting ที่ทรงพลัง กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับ retargeting มีแนวโน้มสูงในการกลับมาซื้อสินค้าอีกครั้ง
เราควรทำ retargeting อย่างไร? เริ่มจากการระบุกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เราต้องเข้าใจเส้นทางของลูกค้าและสร้างคอนเทนต์ดึงดูด การเลือกช่องทางการสื่อสารที่ถูกต้องสำคัญมาก ควรเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
ข้อควรระวังในการใช้ retargeting คืออะไร? ไม่ควรสร้างความรำคาญแก่ลูกค้าด้วยการยิงโฆษณาบ่อยเกินไป เราต้องวัดผล retargeting ด้วยอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ การทำ retargeting ที่ดีควรมีอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าอยู่ที่ 1-2%
สรุปretargeting
การใช้ retargeting สามารถเปลี่ยนเกมการตลาดของคุณได้ ทุกวันนี้ retargeting ถือว่าสำคัญในโลกดิจิทัล มันมีข้อดีหลายประการ ทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและเพิ่มอัตราการแปลง Retargeting มุ่งเป้าหมายลูกค้าที่เคยสนใจแต่ยังไม่สั่งซื้อ นอกจากนี้ยังแตกต่างจาก remarketing อย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีผลต่อกลยุทธ์การตลาด นอกจากนี้ มีกลยุทธ์และเทคนิคที่หลากหลายที่คุณสามารถใช้ได้ และมีข้อผิดพลาดหลายประการที่ควรหลีกเลี่ยง อนาคตของ retargeting ยังเปิดโอกาสให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ดังนั้นใช้ retargeting ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด!