INP สำคัญกับ SEO หรือไม่?
Key Takeaways:
- INP (Interaction to Next Paint) วัดเวลาจากการโต้ตอบถึงเฟรมถัดไปบนเว็บ.
- ควรให้ค่า INP ต่ำกว่า 200 มิลลิวินาทีสำหรับการตอบสนองที่ดี.
- INP แทนที่ FID (First Input Delay) เพื่อวัดโต้ตอบทั้งหมดบนหน้าเว็บ.
- Google ใช้ INP ใน SEO และ Core Web Vitals ในการจัดอันดับ.
- Chrome/Edge เวอร์ชัน 96 รองรับ INP; Firefox/Safari ยังไม่.
- ใช้เครื่องมือเช่น Chrome DevTools, Lighthouse สำหรับวัด INP.
- ลดสคริปต์ที่ไม่จำเป็น, ใช้ข้อมูลจริง (RUM) ปรับปรุงโต้ตอบช้า.
- INP สำคัญต่อประสบการณ์ใช้งานเว็บและ SEO ที่มีประสิทธิภาพ.
ในโลกของ SEO ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา, INP กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! ถ้าคุณสงสัยว่า INP สำคัญกับ SEO ไหม, บทความนี้พร้อมตอบโจทย์นั้น ขณะที่เราก้าวเข้าสู่ปี 2024 ช่องทางใหม่ๆ ก็เปิดเนื้อหามากขึ้น ละเอียดขึ้น เพื่อให้คุณได้ปรับกลยุทธ์การตลาดให้เฉียบคม ด้วยข้อมูลล้ำค่าที่วิเคราะห์มาแล้ว อ่านต่อเพื่อค้นหาคำตอบและเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ!
INP คืออะไร?
INP ย่อมาจาก Interaction to Next Paint ตัวนี้จะเป็นการวัดเวลา ทุกครั้งที่คุณคลิกหรือแตะหน้าเว็บ มันจะวัดว่าใช้เวลานานเท่าใด กว่าจะมีการวาดภาพในหน้าถัดไปขึ้นมา
ในการทำ seo อย่างเต็มที่ ค่า INP มีความสำคัญมาก เราจึงต้องใส่ใจเรื่องนี้ ลูกค้าที่เจอเว็บตอบสนองช้าย่อมรู้สึกเบื่อ ซึ่งอาจส่งผลต่ออันดับ SEO ของเรา
Google ใช้ INP แทน First Input Delay หรือ FID เพราะ FID วัดแค่ครั้งแรก เช่น เมื่อคุณคลิกแล้วระบบตอบช้า แต่อีกครั้งอาจเร็วขึ้น INP จะวัดทุกครั้งในหน้าเว็บ ซึ่งทำให้ได้ค่าที่แม่นยำมากกว่า
ในการปรับปรุงค่า INP เราต้องการค่าไม่เกิน 200 มิลลิวินาที เพราะค่าต่ำกว่า 200 หมายถึง หน้าเว็บตอบสนองได้ดี แต่ถ้าค่าอยู่ที่ 200-500 ต้องปรับปรุง ส่วนมากกว่า 500 นั้น ยังต้องปรับเยอะ
เราต้องการ INP ที่สามารถรายงานได้แม่นยำจากการใช้งานจริง ข้อมูลนี้ยังสามารถช่วยตรวจสอบว่าอินเตอร์เฟสเว็บของคุณ ทำให้การนำทางราบรื่นมากแค่ไหน
หากค่า INP ไม่สามารถรายงานได้ อาจเพราะหน้าเว็บถูกใช้งานไม่ถี่พอ หรือการกระทำบางอย่างไม่ถูกวัด เช่น การเลื่อนหรือการวางเมาส์อยู่ด้านบน
การสนับสนุนจากเบราว์เซอร์ Chrome และ Edge รุ่น 96 สนับสนุน INP แต่ Firefox และ Safari ยังไม่รองรับ แต่เรายังสามารถใช้อุปกรณ์ตรวจสอบอื่น ๆ ได้เพื่อตรวจสอบการโต้ตอบที่ช้า
การเข้าใจกระบวนการเหล่านี้สำคัญเพราะ INP ต้องการการวัดจากผู้ใช้งานจริง เพื่อรักษามาตรฐานการแสดงผลที่ดีที่สุดบนเว็บของเรา
วัด INP อย่างไร?
INP ย่อมาจาก Interaction to Next Paint มันวัดการตอบสนองเว็บต่อการโต้ตอบ คุณจะวัด INP ได้อย่างไร? เริ่มด้วยการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น Chrome และ Edge(Support เวอร์ชั่น 96) พวกนี้ช่วยคุณจับเวลา วัดระยะเวลาจากการโต้ตอบถึงเฟรมถัดไป
INP สำคัญแค่ไหน?
ค่า INP ต่ำกว่า 200 มิลลิวินาทีถือว่าดี ระหว่าง 200-500 มิลลิวินาทีต้องปรับปรุง มากกว่า 500 มิลลิวินาทีบ่งบอกการตอบสนองไม่ดี การวัดค่า INP ช่วยปรับปรุงการตอบสนอง สามารถใช้ข้อมูลจากผู้ใช้จริงเพื่อความแม่นยำ
เครื่องมือวัด INP
ใช้ RUM (Real User Monitoring) สำหรับวัดที่ดีที่สุด RUM ใช้ข้อมูลจริงจากผู้ใช้ แต่การทดลองในห้องแล็บก็สำคัญ ช่วยตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น ทดลองในห้องแล็บจะใช้เครื่องมือเช่น Lighthouse คุณสามารถเปรียบเทียบข้อมูลจากภาคสนามกับห้องแล็บ ภาคสนามแสดงข้อมูลจริง ส่วนห้องแล็บบอกให้รู้ว่าปัญหาคืออะไร
การวัดที่ถูกต้องช่วยระบุปัญหาและปรับแต่งเว็บให้ตอบสนองดีขึ้น
ปรับปรุง INP ได้อย่างไร?
การปรับปรุง INP เริ่มต้นที่การตรวจสอบการโต้ตอบของผู้ใช้กับเว็บไซต์ การใช้ข้อมูลผู้ใช้จริงคือวิธีที่เชื่อถือได้ที่สุด เพราะมันให้เรารู้ว่าเว็บไซต์ตอบสนองต่อการคลิกหรือการแตะเร็วแค่ไหน
INP ที่ดีควรต่ำกว่า 200 มิลลิวินาที หากเว็บไซต์ของคุณตอบสนองช้า คุณต้องปรับปรุงโค้ดและทรัพยากรที่ใช้ ตัวอย่างคือการลดการใช้สคริปต์ที่ไม่จำเป็นหรือย่อรูปภาพขนาดใหญ่
การใช้เครื่องมือ เช่น PageSpeed Insights ช่วยในการวิเคราะห์เฟรมเวิร์กและการโหลดสคริปต์ อาจต้องลดสคริปต์ที่รบกวนเวลาการวาดภาพต่อไป
ควรใช้ Chrome หรือ Edge เวอร์ชั่นล่าสุดเพื่อทดสอบ INP เพราะปัจจุบัน Firefox และ Safari ไม่รองรับ คอยตรวจสอบว่า INP อยู่ที่ไหนและพิจารณาปรับปรุงให้ตรงตามมาตรฐาน
เริ่มต้นโดยใช้ข้อมูลจาก core web vitals เพื่อหาจุดที่ต้องการปรับปรุงและทำให้ INP ของคุณดีขึ้น ทั้งนี้ยังช่วยปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานเว็บไซต์ แจ่มไหมครับ?
INP แตกต่างจาก FID อย่างไร?
INP นั้นเกี่ยวข้องกับการตอบสนองของหน้าเว็บ หลายคนสงสัยว่า INP ต่างจาก FID ยังไง? FID หรือ First Input Delay วัดการโต้ตอบเว็บครั้งแรกเท่านั้น INP วัดการโต้ตอบทั้งหมดบนหน้าเว็บ นี่เป็นความแตกต่างหลักระหว่างสองตัววัดนี้
INP รายงานค่าการตอบสนองที่ "ดีที่สุด" จริง ๆ มันดูการโต้ตอบทุกครั้งไม่ใช่แค่ครั้งแรก ในทางตรงกันข้าม FID จะสำรวจเพียงการตอบสนองเริ่มต้นจากการคลิก แตะ หรือกดแป้นพิมพ์ ใน Chrome และ Edge เราสามารถตรวจสอบค่า INP ได้โดยตรง วัดว่าการแสดงเฟรมถัดไปใช้เวลานานเท่าไร
ค่าที่ต่ำกว่า 200 มิลลิวินาทีแสดงถึงการตอบสนองที่ดีสำหรับ INP หากเกินกว่า 500 มิลลิวินาที หมายถึงการตอบสนองที่แย่ ค่า INP จำเป็นต้องดีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดี ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้จริงช่วยปรับปรุงค่า INP
เมื่อไม่สามารถรายงานค่า INP อาจหมายถึงการไม่มีการโต้ตอบ หรือการโต้ตอบนั้นไม่ได้วัดเช่นการเลื่อน การใช้งานจริงแสดงให้เห็นความหลากหลายของปัจจัยที่ส่งผลต่อ INP
INP ส่งผลต่อ SEO และ Core Web Vitals อย่างไร?
INP สำคัญต่อ technical seo และ Core Web Vitals อย่างไร? INP ย่อมาจาก "Interaction to Next Paint" และเป็นเมตริกสำคัญที่วัดการตอบสนองของหน้าเว็บเมื่อเริ่มการโต้ตอบ เช่น การคลิกหรือการกดแป้นพิมพ์บนเว็บไซต์ INP คำนวณจากช่วงเวลาที่เริ่มโต้ตอบจนกว่าเฟรมถัดไปจะแสดงขึ้น อย่าง Chrome และ Edge รองรับ INP แต่ Firefox และ Safari ยังไม่รองรับ ซึ่งทำให้ INP เป็นส่วนหนึ่งที่ควรใส่ใจสำหรับการทำ SEO
การที่ INP ต่ำกว่า 200 มิลลิวินาทีแสดงว่าหน้าเว็บตอบสนองได้ดี ส่วน 200-500 มิลลิวินาทีหมายถึงต้องปรับปรุง ถ้ามากกว่า 500 มิลลิวินาทีแสดงว่าควรแก้ไขด่วน ความแตกต่างระหว่าง INP และ First Input Delay (FID) คือ INP วัดทุกการโต้ตอบในหน้าเว็บ แต่ FID วัดการโต้ตอบครั้งแรกเท่านั้น
เทคนิคการใช้ INP ใน SEO เริ่มจากการสังเกตการโต้ตอบที่ช้า หากอินเตอร์แอคชันช้า ให้ใช้ข้อมูลจริงจากผู้ใช้ (RUM) มาปรับปรุง การใช้เครื่องมือในห้องแลบสามารถตรวจสอบได้เพิ่มเติม แต่จะสะท้อนการใช้งานจริงไม่ครบถ้วน เช่น เมตริกอย่างการเลื่อนหรือวางเมาส์ไม่ครอบคลุมในการคำนวณ INP ที่ดี
สุดท้าย INP ส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO ผ่าน Core Web Vitals ซึ่งเป็นสิ่งที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพเว็บ การจัดอันดับสูงจะมาจากประสบการณ์ใช้งานที่ดีและการจับคู่คีย์แมตช์ผู้ใช้ได้ดี ทั้งหมดนี้ทำให้ INP เป็นสิ่งสำคัญในการวางแผน seo audit ที่มีประสิทธิภาพ
เครื่องมือและทรัพยากรสำหรับวัดและปรับปรุง INP มีอะไรบ้าง?
เมื่อพูดถึงการวัด INP หรือ Interaction to Next Paint เราต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสมครับ INP เป็นเมตริกที่ช่วยวัดการตอบสนองของหน้าเว็บ ตอนที่ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์ เช่น การคลิก การแตะ หรือการกดแป้นพิมพ์
เครื่องมือ INP ที่ควรรู้จัก
1 Chrome DevTools: นี่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยดู INP ของเว็บ เบราว์เซอร์ Chrome และ Edge ตั้งแต่เวอร์ชัน 96 รองรับ INP ดังนั้นเราสามารถใช้ DevTools ในการวิเคราะห์ได้ครับ
1 Lighthouse: เป็นเครื่องมืออีกอันที่เราควรใช้ มันมักใช้สำหรับการทำ SEO audit และสามารถปรับปรุง core web vitals รวมทั้ง INP ด้วย
1 Web Vitals Extension: Extension นี้ติดตั้งง่ายใน Chrome และช่วยให้เรามองเห็น INP ว่าตอบสนองดีแค่ไหน INP ที่ต่ำกว่า 200 มิลลิวินาทีถือว่าดี ระหว่าง 200-500 มิลลิวินาทีต้องปรับปรุง ถ้ามากกว่า 500 มิลลิวินาทีถือว่าไม่ดี
การเปลี่ยนแปลง INP ด้วยทรัพยากรที่มี
การปรับปรุง INP นั้นทำได้โดยดูจากข้อมูลผู้ใช้จริงและเครื่องมือในห้องปฏิบัติการครับ การเก็บข้อมูลจากการใช้งานจริงหรือ Real User Monitoring (RUM) ช่วยให้เราเห็นการตอบสนองแบบจริง ๆ ของเว็บได้ หากเราเห็นว่ามีการโต้ตอบที่ช้า สามารถนำข้อมูลนี้มาวิเคราะห์เพิ่มเพื่อปรับปรุง INP
การใช้เวลาในการตรวจสอบการโต้ตอบที่ช้า จะทำให้ INP ของเว็บดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อ SEO ของเว็บในระยะยาวครับ
สรุปINP
INP ช่วยให้เว็บตอบสนองเร็วขึ้นโดยวัดได้แม่นยำกว่า FID. การปรับปรุง INP ด้วยเครื่องมือที่ถูกต้องช่วยให้เว็บโหลดเร็วและเป็นมิตรต่อ SEO. ความแตกต่างระหว่าง INP และ FID ให้เข้าใจถึงการวัดผลที่ครอบคลุมมากขึ้น. พัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้พร้อมรับพลังจาก Core Web Vitals ด้วยการจัดการและวิเคราะห์ INP อย่างถูกต้อง. สร้างเว็บที่ดีขึ้นด้วยเทคนิคและเครื่องมือที่เราได้นำเสนอในบล็อกนี้. การรู้จักและใช้ INP คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในดิจิทัลสมัยนี้.